Pantip.com ขอเชิญเพื่อนๆ ร่วมกิจกรรม “จัดการเงินเป็น อนาคตปึ้ก" ลุ้นรับรางวัลรวมมูลค่า 50,000 บาท!!!

ขอขอบคุณเพื่อนๆ ทุกท่านที่เข้ามาร่วมสนุก แชร์ไอเดียการจัดการเงินในรูปแบบของตนเอง กันอย่างล้นหลามนะคะอมยิ้ม17

พลุประกาศรายชื่อผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลเงินสดมูลค่า 10,000 บาท จำนวน 5 รางวัลได้แก่...พลุ
คุณ OKANEMOCHI
คุณ snoopy21
คุณ healingoftarot
คุณ Imim KA
คุณ pasawee2551


นอกจากนี้ทางกลต. ได้มอบของขวัญพิเศษ เป็นถุงผ้า ให้กับผู้เข้ารอบ 20 ท่าน ได้แก่...
คุณ น้องน่องป่อง
คุณ KUGAN
คุณ เพียงผ่านมาพบ
คุณ บอกว่าจากคนรักเก่า
คุณ good thinking
คุณ Babble
คุณ สมาชิกหมายเลข 1789963
คุณ Meepoohchy
คุณ อันป๊อง
คุณ สปาเก็ตตี้เส้นเหลี่ยม
คุณ mangek
คุณ ตัวเรา
คุณ สมาชิกหมายเลข 1353935
คุณ ดร สลัม
คุณ แม่หมีหน้าหมู
คุณ lalinphat
คุณ CACU
คุณ ตราบธุรีดิน
คุณ Ivorypat
คุณ mix_more

ผู้โชคดีรอการติดต่อจากเจ้าหน้าที่เรื่องรายละเอียดการรับของรางวัลทางหลังไมค์นะคะ
ส่วนท่านอื่นๆ ที่พลาดรางวัล ไม่ต้องเสียใจนะคะ  สามารถร่วมสนุกเพื่อลุ้นของรางวัลกับกิจกรรมอื่นๆ ของพันทิปได้ที่ http://pantip.com/activities

อย่าลืมนะคะ ...การจัดการเงิน เริ่มต้นไม่ยาก เพียงแค่
"ลดรายจ่าย เก็บก่อนใช้ แบ่งไปลงทุน"

ศึกษาข้อมูลการจัดการเงินเพิ่มเติมได้ที่ www.จัดการเงินเป็น.com
เพี้ยนสู้สู้เพี้ยนmbpt
===============================================

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

เชื่อไหม…แค่คุณเริ่มต้นจัดการเงินให้เป็นในวันนี้ อนาคตการเงินของคุณจะปึ้กอย่างแน่นอน!!เพี้ยนลุย

สามวิธีจัดการเงินง่ายๆ ช่วยให้อนาคตมั่นคงเรื่องนี้ต้องขยาย

                ==>  ลดรายจ่าย
                           เชื่อหรือไม่ เพียงแค่ลดค่ากาแฟวันละ 1 แก้ว เพียง 1 ปี คุณสามารถซื้อ Tablet ดี ๆ ได้ 1 เครื่อง
                           ไม่เชื่อ... คลิกที่นี่เลย!!!
                        
                         ====>     เก็บก่อนใช้
                                              ถ้าใช้ก่อนจะไม่เหลือเก็บ
                                          แต่ไม่ว่าจะเก็บด้วยเทคนิคไหน เลือกสไตล์ในแบบของคุณ เริ่มเลย!!!

                                          ======> แบ่งไปลงทุน
                                                               การลงทุนช่วยให้เงินของคุณโตได้ ซึ่งก็มีหลายรูปแบบ ศึกษาข้อมูลให้ดี
                                                               ทดลองจัดสรรเงิน คลิก!!!

กติกาการร่วมสนุกเพี้ยนไฟลุก

เพียงคุณร่วมแชร์ไอเดียและวิธีการจัดการเงินในสไตล์ของคุณ ใน 3 รูปแบบนี้
1.     ลดรายจ่าย   2. เก็บก่อนใช้   3. แบ่งไปลงทุน
(เลือกอย่างน้อย 1 รูปแบบ)
ที่คิดว่าจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับเพื่อน ๆ และเป็นไอเดียที่ทำได้จริง
ถ้าไม่รู้จะเริ่มยังไง ลองเข้าเว็ปไซต์ www.จัดการเงินเป็น.com ช่วยคุณได้ เยี่ยม


ไอเดียที่ถูกใจคณะกรรมการมากที่สุดรับเงินรางวัล 10,000 บาท จำนวน 5 รางวัล ประหลาดใจ
สามารถเสนอไอเดียของคุณได้ตั้งแต่วันนี้ – 24 พ.ค. 58
ประกาศผลผู้โชคดี  5 มิ.ย. 58




ศึกษาข้อมูลการจัดการเงินเพิ่มเติมได้ที่ www.จัดการเงินเป็น.com
แก้ไขข้อความเมื่อ

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 28
สวัสดีค่ะ ปัจจุบันดิฉันอายุ ๔๑ ปี เป็นแม่บ้าน และไม่ได้ทำงานประจำแล้วค่ะ

วันนี้ดิฉันอ่านเจอกระทู้กิจกรรมดีๆที่ทางพันทิปร่วมกับก.ล.ต.ขอร่วมแชร์วิธีออมเงินของตัวเองดังต่อไปนี้ค่ะ

(๒) เก็บก่อนใช้
วันที่ดิฉันได้รับเงินจากสามี ดิฉันจะแบ่งเงินออกเป็น ๕ ส่วน โดยแยกใส่ไว้ในซองพลาสติกใส (ตามภาพประกอบที่แนบมาด้วย)


ส่วนที่ ๑ เงินฝากธนาคาร

ส่วนที่ ๒ เงินค่าใช้จ่ายภายในบ้าน-ค่าอาหารการกินทั้งเดือน
(เงินส่วนนี้ดิฉันจะนำไปแลกเป็นธนบัตรย่อยทั้งหมดค่ะ)
และถ้าหากมีธนบัตรเลขสวย ธนบัตรเลขตองจากธนบัตรย่อยใหม่ๆที่ไปแลกมาจากธนาคาร ดิฉันจะแยกเก็บไว้ต่างหาก เป็นของสะสมก็ได้ และถ้าหากมีเรื่องฉุกเฉินก็สามารถนำเงินส่วนนี้ออกมาใช้จ่ายได้ในทันที


การใช้ธนบัตรย่อยจะช่วยให้ดิฉันกำหนดรายจ่ายรายวันได้ง่ายกว่าการถือธนบัตรมูลค่าสูง เพราะถ้าถือธนบัตรมูลค่าสูงไว้ในมือจะทำให้รู้สึกว่าตัวเองรวยมีเงินเยอะสามารถซื้อของได้มากขึ้นและอาจซื้อของฟุ่มเฟือยเกินความจำเป็นได้

ดิฉันชอบใช้จ่ายเงินในชีวิตประจำวันด้วยเหรียญและธนบัตรย่อยค่ะ ชอบจ่ายเงินให้พอดีกับราคาสินค้า จะได้ไม่ต้องรอรับเงินทอน  แต่ถ้ามีเหรียญเหลือกลับมา ดิฉันก็จะเก็บมาหยอดกระปุกออมสินไว้ เมื่อเหรียญเต็มกระปุก ดิฉันจะแลกกับธนบัตรของตัวเอง แล้วนำเหรียญออกไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวันค่ะ

ส่วนที่ ๓ แบ่งไว้สำหรับค่ารักษาพยาบาลกรณีฉุกเฉิน ถ้าเดือนไหนไม่เจ็บไม่ป่วย ไม่มีเรื่องฉุกเฉินที่จำเป็นต้องใช้เงิน ดิฉันจะนำเงินส่วนนี้ไปฝากธนาคารต่อไป

ส่วนที่ ๔ สำหรับซื้อของใช้ที่จำเป็น ข้าวสาร-อาหารแห้ง
เงินที่เหลือจากค่าใช้จ่ายรายวัน ดิฉันจะนำมาเก็บใส่ไว้ในซองพลาสติกซองนี้ เพื่อเก็บไว้ซื้อของใช้ที่จำเป็นข้าวสาร-อาหารแห้งช่วงปลายเดือน(ซื้อของก่อนที่จะได้รับเงินเดือนของเดือนใหม่)

ส่วนที่ ๕ แบ่งเงินออมใส่ขวดพลาสติกใสสำหรับซื้อทองคำและสลากออมสิน/สลากธ.ก.ส.ปีละครั้ง


(๑)ลดรายจ่าย
ดิฉันคิดทำปฏิทินช่วยลดรายจ่าย (โปรดดูภาพประกอบที่แนบมา)

ช่วงสองสัปดาห์แรกของเดือน ดิฉันจะประหยัดกินประหยัดใช้ ซื้อแต่อาหารมาทำกินเองที่บ้าน เมนูประหยัดที่ทำกินที่บ้านบ่อยๆคือ ต้มจับฉ่าย(ใส่ผักเยอะๆ ต้มครั้งหนึ่งเก็บไว้กินได้หลายมื้อ) ผัดถั่วงอก(เพราะถั่วงอกมีราคาถูก) ผัดผักกระหล่ำปลี ผัดผักบุ้ง ผักนึ่ง ปลานึ่ง เป็นต้น

สัปดาห์ที่สามของเดือน ดิฉันเริ่มยืดหยุ่น ซื้ออาหารสำเร็จมากินบ้างเป็นบางมื้อ แต่อาหารจานหลักคือยังทำกับข้าวกินเองที่บ้าน

สัปดาห์ที่สี่และสัปดาห์สุดท้ายของเดือน ใช้จ่ายเงินอย่างสบายๆ ซื้ออาหารอร่อยๆกินบ้าง ออกไปกินอาหารนอกบ้านบ้างเป็นบางมื้อ เมื่อยังมีเงินเหลือ จะนำเงินที่เหลือไปซื้อของใช้ที่จำเป็น ข้าวสาร-อาหารแห้ง (เงินที่อยู่ในซองพลาสติกใส ข้อ ๔)

(การทำปฏิทินช่วยลดรายจ่ายนี้ ทำให้ดิฉันเห็นข้อดีจากการประหยัดเงินตั้งแต่ต้นเดือน แล้วเมื่อถึงปลายเดือนดิฉันยังมีเงินเหลือไว้ใช้จ่ายได้สบายๆ ซึ่งจะต่างจากคนที่ใช้จ่ายเงินสบายๆตั้งแต่ต้นเดือน แล้วต้องมาประหยัดรัดกิ่วเงินกันตอนปลายเดือน)

จดบัญชีรายรับ-รายจ่ายประจำวัน เพราะการจดบัญชีรายรับ-รายจ่าย จะช่วยให้เห็นพฤติกรรมการใช้จ่ายเงินของตัวเอง ว่าแต่ละวันตัวเองได้ใช้จ่ายเงินซื้ออะไรบ้าง ของกินของใช้ที่จำเป็นหรือว่าเป็นฟุ่มเฟือย อะไรที่คิดว่าเป็นของฟุ่มเฟือยก็พยายามปรับปรุงเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้จ่ายเงินของตัวเอง ลด ละ เลิกให้ได้ เมื่อเลิกได้เงินก็จะมีเหลือเก็บมากขึ้นค่ะ

(๓)แบ่งลงทุน (โปรดดูภาพประกอบที่แนบมา)

เงินที่ดิฉันหย่อนลงในขวดพลาสติกใสทุกเดือน เก็บสะสมไว้ครบหนึ่งปี จะนำไปซื้อสลากออมสิน/สลากธ.ก.ส. และซื้อทองคำแท่งหรือทองรูปพรรณ

เงินรางวัลที่ได้ตลอดระยะเวลาสามปี รวมกับดอกเบี้ยเมื่อฝากครบกำหนด ดิฉันจะนำไปซื้อทองคำแท่ง และหรือทองรูปพรรณ

ส่วนเงินต้น รวมกับเงินออมตลอดทั้งปีที่เก็บใส่ในขวดพลาสติกใส จะนำไปซื้อสลากออมสิน/สลากธ.ก.ส.ต่อไปเรื่อยๆค่ะ
(ภาพนี้คือจำนวนเงินรางวัลที่ได้รับมาตลอดระยะเวลาสามปีที่ดิฉันได้รับจากสลากออมสินของงวดที่ ๕๐ ที่ครบอายุฝากแล้ว ปัจจุบันดิฉันซื้อสลากงวดใหม่คือ งวดที่ ๗๑ค่ะ)



นี่คือภาพแห่งความสำเร็จที่ดิฉันได้รับจากการออมเงินและผลตอบแทนจากการซื้อสลากออมสิน ปีพ.ศ.๒๕๕๗ ตามที่ได้กล่าวมาทั้งหมดข้างต้นค่ะ

ปีนี้ดิฉันเริ่มต้นเก็บออมเงินใหม่อีกครั้ง เพื่อเป้าหมายปีพ.ศ.๒๕๕๘ค่ะ

ดิฉันขอขอบพระคุณเว็บไซต์พันทิปและสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทัรพย์ (ก.ล.ต.) มา ณ โอกาสนี้ สำหรับกิจกรรมดีๆ ที่เปิดโอกาสให้ดิฉันได้ร่วมแบ่งปันประสบการณ์การออมเงินของตัวเองค่ะ





OKANEMOCHI
ความคิดเห็นที่ 95
ปฏิบัติการลดรายจ่าย สไตล์ snoopy21!!!

ขออนุญาตเล่าประสบการณ์ที่ใช้ในชีวิตจริง
ที่รู้สึกว่ามันช่วยลดรายจ่ายได้ดีมากๆ มี ดังนี้

1. จ่ายเมื่อไหร่เป็นต้องจด!

ควรจดรายรับรายจ่ายอย่างต่อเนื่อง และลงรายละเอียดแบบละเอียดยิบ!
จริงๆ นะ ควรละเอียด อย่าได้มองข้ามค่าใช้จ่ายเล็กๆ น้อยๆ เด็ดขาด
10-20 บาทก็ต้องจด เพราะคุณไม่มีวันรู้หรอก
ว่าเจ้าพวกยิบย่อยเศษเล็กเศษน้อยเนี่ยะ
เมื่อคิดรวมกันมันจะกลายเป็นจำนวนเงินก้อนใหญ่ได้เหมือนกันนะเออ
อย่างที่ออฟฟิส น้องข้างๆ ชอบซื้อพวกน้ำชาเย็นมากินบ่อยมาก
แก้วนึงก็ไม่แพงหรอก แค่ 20-25 บาท
แต่เคยลองกดเครื่องคิดเลขคำนวณเล่นๆ ว่าทั้งเดือนต้องจ่ายเท่าไหร่
ผลลัพธ์ออกมาก็น่าตกใจมิใช่น้อย ฉะนั้นจงอย่าประมาทเชียว หุๆ



เล่มยาวๆ นี่เราจดมาตลอดตั้งแต่เข้าทำงานใหม่ๆ (10 กว่าปีแระ)
คนที่ให้สมุดเล่มนี้มาคงต้องดีใจมากๆ เพราะเราใช้มันคุ้มสุดๆ อ่ะบอกเลย
จดมาเรื่อยๆ จนเต็ม เพิ่งขึ้นเล่มใหม่เมื่อไม่กี่เดือนมานี้ (คือเล่มเล็กลายน้องหมา)

ปล - พวกรายละเอียดว่าเราเคยซื้อของชิ้นนี้ราคาเท่าไหร่
จัดเป็นประวัติที่มีประโยชน์มากๆ เลยนะขอบอก
เพราะเราเคยจะไปซื้อแชมพูที่ร้านเภสัช
ก่อนไปเราได้ค้นดูราคาที่เคยซื้อเมื่อคราวก่อนในสมุดจด
เมื่อไปซื้อจริงๆ เภสัชแจ้งราคาที่ไม่ตรงกับคราวก่อน
เราจึงแจ้งว่าครั้งล่าสุดเค้าขายเราราคานี้
เค้าก็อ๋อๆๆ ได้ๆๆ
สรุปข้อดีคือ ประวัติรายจ่ายช่วยป้องกันการซื้อสินค้าในราคาที่แพงขึ้นได้ด้วย


ลืมบอก ตั้งแต่ทำงานมาเราจะกฎในการใช้จ่ายเงินรายเดือนของเราอยู่แล้วคือ
"รายจ่ายห้ามเกินครึ่งนึงของรายรับ"
(ยกเว้นกรณีพิเศษ เช่น เจ็บป่วย ท่องเที่ยว หรือซื้อสินค้าจำเป็นราคาสูง)
ซึ่งการมีสมุดจดรายรับรายจ่ายมันทำให้เราควบคุมได้ง่ายขึ้น
ได้เห็นภาพชัดขึ้นว่าเดือนนี้เรามีรายจ่ายช่วงต้นเดือนเยอะเกินไปแล้วนะ
มันกำลังเข้าสภาวะเกินครึ่งแล้วนะ
เห็นปุ๊บเราก็จะเริ่มตั้งสติและพิจารณาตัวเองด่วน
ว่าช่วงเวลาที่เหลือก่อนจบเดือนนี้ เราต้องไม่หาเรื่องเสียเงินมากเกินไปอีก


2. เหนื่อยทั้งทีต้องให้ชีวีมีสุขบ้าง!

เราเป็นพวกชอบกินของอร่อยๆ ฉะนั้นเราจะตั้งกฎให้ตัวเองว่า
ใน 1 เดือนจะได้รับสิทธิ์กินหรู 1 ครั้ง
(หมายถึงที่ต้องจ่ายเองนะ ถ้าคนอื่นเลี้ยงก็ไปโลดดดด)
หรูที่เราว่านี่ จริงๆ ก็ไม่ได้หรูหราฟู่ฟ่าอะไรนักหรอก
ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกร้านอาหารญี่ปุ่นต่างๆ ในห้าง
เหนื่อยทำงานแล้วก็ต้องให้ร่างกายได้รับความเกษมสำราญบ้างว่างั้น
ส่วนใครไม่ได้ชอบแนวกิน แต่ชอบแนวอื่นก็เปลี่ยนเป็นรางวัลอื่นกันไป

นอกจากกฏเกี่ยวกับอาหารแล้ว เรายังมีกฎเกี่ยวกับการซื้อเสื้อผ้าด้วย
คือ 1 เดือนได้รับสิทธิ์ 1 ครั้งเช่นกัน
ซึ่งส่วนใหญ่นานๆ ใช้สิทธิทีนึง
เพราะเรามักร่วมกิจกรรมใน FB แล้วได้เสื้อมาเป็นรางวัลเพียบเลย
ไม่ว่าจะเป็นเสื้อยืดจากภาพยนต์ หรือจากสินค้าต่างๆ
ทำให้ไม่ต้องเสียเงินซื้อเสื้อผ้าใหม่ไปอีกนานแสนนาน



ที่เห็นเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ถ้าให้นับกันจริงๆ
มีไม่ต่ำกว่า 30 ตัวกระมัง
ต้องบอกว่าเดี๋ยวนี้เสื้อยืดแจกฟรีดีไซน์สวยๆ
ไม่แพ้เสื้อซื้อเลยนะจะบอกให้ อิๆ


3. ปลูกผักกินเถอะพี่น้องงงง!  

เราเป็นคนชอบปลูกต้นไม้ดอกไม้มากๆ แถมชอบกินผักอีก
ฉะนั้น พลาดได้ไงกับการปลูกผักกินเอง หุๆ
งานนี้เมล็ดก็ไม่ต้องเสียเงินซื้อนะ
เพราะเราได้รับแจกมาจากห้องต้นไม้ ณ พันทิบแห่งนี้นี่เอ๊งงง
เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ห้องนั้นใจดีชอบตั้งกระทู้แบ่งปันเมล็ดกันบ่อยๆ
เราเองก็มีโอกาสตั้งกระทู้แจกเมล็ดดอกไม้+ผักอยู่หลายครั้งเช่นกัน




นอกจากนี้ ก็ยังมี Punpun Organic Farm
ที่เค้ามักจะประกาศแจกเมล็ดพืชผักต่างๆ ใน FB อยู่เสมอ
เพราะเค้าเน้นแจกจ่ายมิให้เมล็ดพันธุ์ต้องสูญหาย
และสนับสนุนให้คนได้ยังชีพด้วยตนเองอย่างพอเพียง



นอกจากการปลูกจากเมล็ดแบบนี้แล้ว
การปลูกผักที่ง่ายๆ และได้ใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่า
จากเศษเหลือใช้ก็ได้แก่ การปักชำ

อย่างเช่น ผักบุ้งที่เราซื้อมาเด็ดยอด เด็ดใบกิน
เวลาเหลือก้านแก่ๆ เรามักจะทิ้งกันใช่มั้ยล่ะ
แต่สำหรับเรา เราไม่ทิ้งนะ
เราจะเอาก้านผักบุ้งไปปักในดิน รดน้ำให้ชุ่ม
สักพักมันจะแตกยอดอ่อนๆ ขึ้นมา
เมื่อยอดมันโต ก็พร้อมที่จะไปอยู่ในชามมาม่าของเราล่ะ อิๆ



ส่วนโหระพานี่มาจากก๋วยเตี๋ยวเรือเลย
ที่บ้านมักซื้อมากินทุกเที่ยงวันอาทิตย์
พอเด็ดใบมากินหมดก็เก็บก้านไปปักในดิน รดน้ำเป็นอันเสร็จพิธี



เห็นมั้ยล่ะ ทั้งสนุก ทั้งอร่อย ทั้งประหยัด ทั้งปลอดภัย ทั้งภูมิใจ!

Tip

หลายคนบอกไม่อยากเปลืองตังซื้อกระถางมาปลูก
ไม่ต้องเลยจ้า ของเราเวลาเพาะจะใช้พวกแก้วน้ำใช้แล้วมาเพาะ
อย่างที่ออฟฟิส มีหลายคนเลยที่ชอบซื้อกาแฟ ชาเย็นมากิน
เราก็จะคอยรวบรวมแก้วที่ทิ้งแล้วมาใช้ประโยชน์ให้คุ้มค่า



ซึ่งเมื่อต้นโตใหญ่แล้ว เราสามารถนำมาปลูกในภาชนะที่ใหญ่ขึ้นได้
ด้วยวัสดุเหลือใช้อีกเช่นเคย เช่น กล่องโฟมที่เก่าแล้วในตลาด
สามารถขอจากแม่ค้าพ่อค้า หรือซื้อต่อในราคาถูกๆ
หรือไม่ก็กาละมังถังแตก ซึ่งใครจะเชื่อ
ว่าเราเคยปลูกข้าวโพดกับกาละมังมาแล้ว!


4. สวมวิญญาณเชฟกระทะเหล็ก!

หลักการลดรายจ่ายพื้นฐานที่รู้ๆ กันอยู่ก็คือ การทำอาหารไปกินเองที่ออฟฟิส
แต่เรามีเทคนิคที่พิเศษขึ้นไปอีก ซึ่งช่วยให้ประหยัดมากขึ้นไปอีก
แต่ต้องอาศัยความคิดสร้างสรรค์ไอเดียบรรเจิดสุดๆ
ประหนึ่งสวมบทบาทเป็นเชฟกระทะเหล็กที่เมื่อได้รับโจทย์อาหารมา
ก็ต้องรังสรรค์เมนูแปลกๆ ใหม่ๆ ให้เข้ากับวัตถุดิบที่มีให้

นั่นก็คือ การดัดแปลงเอาอาหารเย็นที่กินเหลือ
มาทำเป็นเมนูใหม่ๆ สำหรับเที่ยงพรุ่งนี้!

ยกตัวอย่างจากประสบการณ์ที่ผ่านมา
บ้านเรามักกินกับข้าวตอนเย็นไม่ค่อยหมด
จะชอบเหลือพวกน้ำแกงเขียวหวานประมาณครึ่งชาม
พร้อมเศษไก่และฟักนิดๆ หน่อยๆ
เราเป็นคนชอบเสียดายของกิน ไม่กล้าทิ้ง
ก็เลยจัดการบรรเลงฝีมือ ด้วยการนำแกงที่เหลือ
มาราดบนเส้นมาม่าแล้วเข้าเตาไมโครเวฟ
กลายเป็นเมนู "มาม่าแกงเขียวหวาน" แสนอร่อยยยยย

แต่ถ้าเหลือน้ำแกงน้อยมาก เราจะนำไปผัดกับข้าวสวย
กลายเป็น "ข้าวผัดแกงเขียวหวาน"




ซึ่งเมนูข้าวผัดเนี่ยะ สามารถผัดได้กับกับข้าวเหลืออื่นๆ ได้หลายชนิดนัก
เช่น แกงแพนงหมู ผัดวุ้นเส้น ไก่ผัดขิง เป็นต้น

วันไหนเหลือแกงส้มหรือต้มยำกุ้ง
เรามักจะเอาไปคั่วๆ กับวุ้นเส้นในกระทะ
กลายเป็นเมนูแปลกใหม่แสนอร่อยที่ใครเห็นก็ต้องถามด้วยความสนใจ
"เฮ้ย….กินอะไรอ่ะ ขอชิมมั่งงงง"  




5. ส่งหนังสือต้องเปิดอ้า!

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าเราเป็นคนที่ส่งพัสดุไปรษณีย์บ่อยมากกกก
จะให้เสียเงินซื้อกล่องก็เสียดายเงิน
จึงใช้วิธีคอยเก็บรวบรวมกล่องเวลามีคนส่งไปรษณีย์มาให้เรา
รวมไปถึงที่ส่งมาให้เพื่อนๆ ในออฟฟิสด้วย
ส่วนใหญ่เวลาถามว่า "จะเก็บกล่องมั้ย หรือจะทิ้ง ถ้าทิ้งเราขอ"
พวกเพื่อนๆ ก็ยินดียกให้ตลอด เพราะพวกเค้ามองว่ามันเป็นขยะรกๆ
ช่วงหลังๆ ใครได้รับกล่องพัสดุก็จะถือกล่องมาให้เราโดยปริยาย อิๆ

ปัจจุบันนี้ จึงมีกล่องหลาย size ให้เลือกใช้ไม่หวาดไม่ไหว



และอีกเรื่องนึงสำคัญมาก เชื่อว่าหลายๆ คนไม่ค่อยรู้กัน
เราเองขนาดเป็นคนส่งไปรษณีย์บ๊อยบ่อยก็ยังเพิ่งจะรู้เมื่อไม่นานมานี้เอง
เรื่องนั้นก็คือ "การส่งพัสดุไปรณีย์แบบสื่อสิ่งพิมพ์"
คือปกติเวลาเราส่งหนังสือให้ใคร
เราจะใส่ซองปิดผนึก ติดเทปกาวตามปกติใข้มั้ยล่ะ

อย่างมีอยู่ครั้งนึงเราสั่งซื้อหนังสือธรรมะส่งบริจาค
ตามห้องสมุดเรือนจำ โรงเรียน วัด โรงพยาบาล ฯลฯ
เป็นจำนวน 30-40 ซอง (1 ซองเราใส่ไป 2 เล่มขนาด A5)

ไปส่งรอบแรก พนักงานไม่ได้บอกอะไร
คิดราคาต่อซอง = 15 บาท

รอบสอง
พนักงานคนใหม่เห็นพัสดุหน้าตาคล้ายๆ กันหมดเยอะมาก
เลยถามเราว่า "ข้างในคืออะไรคะ"
เราตอบ "หนังสือค่ะ"
พนักงานใจดีแนะนำว่าถ้าส่งแบบ "สื่อสิ่งพิมพ์" จะถูกลงครึ่งนึง
แต่ต้องอย่าปิดซอง คือให้ยื่นซองแบบเปิดอ้าให้พนักงานได้เห็น
ว่าข้างในคือหนังสือ แล้วพนักงานจะเย็บแม็คให้เป็นการปิดซอง

คิดราคาต่อซอง = 8 บาท

สรุป ประหยัดค่าส่งไปครึ่งๆ เลยทีเดียว
เรียกได้ว่าเสียเงินแพงเกินเหตุไปตั้งหลายต่อหลายครั้งแล้ว



หลังจากนั้นถ้าใครจะส่งหนังสือ เราจะรีบบอกเทคนิคนี้ทันที
ซึ่งเป็นอย่างที่คาดไว้ ไม่มีใครเคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย!



นอกจากลดรายจ่ายตามวิธีที่กล่าวไปแล้ว
เราก็ยังพยายามหารายได้เสริมเพิ่มเติมจากอาชีพหลักอีกด้วย
ทำให้ดึงเงินเดือนที่ได้รับประจำมาใช้น้อยลง เงินเก็บก็มากขึ้น ยิ้ม

ยกตัวอย่างเช่น
เราเคยรับสอนภาษาอังกฤษ & ญี่ปุ่นช่วงเลิกงานและวันหยุด
ซึ่งโชคดีมากที่หลังจากจบมหาลัย
เรายังเก็บแล็คเชอร์ภาษาญี่ปุ่นไว้อย่างครบครัน



เราจึงสามารถนำเนื้อหาที่เคยเรียนในมหาลัยมาสอนต่อได้สบายๆ
โดยในการสอนนั้น เรามักสอนแบบตัวต่อตัว
คิดชั่วโมงละ 100 บาท สอนที่บ้านเราเอง
(นานๆ ทีจะมีมาเรียนเป็นคู่ หรือไม่ก็เป็นกลุ่ม)
ต้นทุนแทบจะไม่มีเลย มีแค่เอกสารประกอบการเรียน
เฉลี่ยชั่วโมงละ 2 ใบ ราคาถ่ายเอกสารแค่ 1 บาทเท่านั้น
(เทคนิคการสอนของเรา จะเน้นให้เด็กจดเองด้วยมือในสมุด
เพราะวิธีนี้จะทำให้เด็กจำเนื้อหาที่เรียนได้ดีมากกว่า)

สรุป สิ่งที่ใช้จริงๆ มีแค่ความรู้ที่เรามีเป็นหลัก
ค่าใช้จ่ายอื่นๆ แค่ 1-2 บาทต่อชั่วโมงเท่านั้น

ฉะนั้น เราจึงอยากสนับสนุนมากๆ เลย
สำหรับคนที่ต้องการหารายได้เพิ่ม แต่ไม่รู้จะทำอะไรดี
ไม่มีเงินทุนเปิดร้าน ซื้ออุปกรณ์ต่างๆ
เพราะหากคุณมีความรู้ด้านใดด้านหนึ่งซะอย่าง
(ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาษา การทำอาหาร งานฝีมือ ฯลฯ)
เชื่อสิ คุณไม่มีวันอดตายแน่ๆ
ความรู้ ความสามารถของคุณนี่แหละ
จะเป็นสิ่งที่คุณสามารถนำไปสอนคนอื่น
และสร้างรายได้โดยไม่มีคำว่าขาดทุนแน่ๆ!



ส่วนในปัจจุบันแม้เราจะไม่ได้สอนแล้ว
(เหตุเพราะอยากมีเวลาว่างให้ตัวเองมากขึ้น)
เราได้ค้นพบลู่ทางหารายได้เสริมใหม่
นั่นก็คือ การทำ sticker LINE ขายนั่นเอง!

ด้วยความที่เราชอบวาดการ์ตูนอยู่แล้วเป็นทุนเดิม
แถมมี ipad เก่าๆ อยู่แล้วด้วยเครื่องนึง
แค่โหลดโปรแกรมสำหรับวาดรูปฟรีมาใช้
เพียงเท่านี้ การทำ sticker LINE ของเราก็สำเร็จไปแบบง่ายๆ
ใช้เวลาไม่นาน แถมไม่ต้องลงทุนอะไรเพิ่มด้วย
งานนี้อาศัยใจรักและความสามารถส่วนตัวล้วนๆ



หลังจากได้ปล่อยขายอย่างเป็นทางการ
ชีวิตเราก็เพลินไปกับการเช็คยอดขายแต่ละวันแบบชั่วโมงต่อชั่วโมง

แม้ยอดขายจะพุ่งสูงเป็นพิเศษหลอกให้เราดีใจแค่สองวันแรก
แล้วค่อยๆ ดำดิ่งเป็นเส้นกราฟลาดชันมาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน
แต่อย่างน้อยเมื่อนำเงินรายได้ทั้งหมดมาคิดเฉลี่ยดูแล้ว
เราพบว่า sticker ของเราสามารถทำเงิน
ได้เกือบเท่ากับเงินเดือนที่เราได้รับเฉลี่ยต่อวันเลยทีเดียว

งานนี้เหนื่อยแค่ตอนวาดรูป ทำเรื่องส่งพิจารณา
แต่พองานผ่านอนุมัติ ปล่อยขายได้ปุ้บ
เราแค่โปรโมทในวันแรกๆ หลังจากนั้นแทบไม่ต้องทำอะไรเลยจริงๆ
นั่งรอดูรายได้แบบ realtime ผ่านหน้าจอคอมพ์สบายๆ
เหมือนทำงานออฟฟิสเท่าเดิมแต่ได้เงินเป็น 2 เท่า!

ยอมรับเลยว่าดีใจมากที่ตัดสินใจวาดไปขาย
แม้ผลงานเราจะไม่ได้โด่งดังเป็นที่รู้จัก
และไม่ได้สร้างเงินเป็นหลักแสนเหมือนผลงานคนอื่นๆ
แต่เราก็ภูมิใจกับความสำเร็จเล็กๆ ของเรา ยิ้ม
ความคิดเห็นที่ 72
ผมใช้วิธี จงเป็นหนี้ก่อนเป็นหนี้...!!!

จุดกำเนิดของเทคนิคนี้ คือ เมื่อหลายปีที่แล้ว ผมอยากได้คอมพิวเตอร์ตัวหนึ่งราคาประมาณ 70,000 ผมไม่มีบัตรเครดิต (ถึงมีวงเงินก็ไม่ได้อยู่ดี) ผมจึงจัดตั้งกองทุนส่วนตัว เพื่อสะสมเงินให้เหมือนผ่อน 10 เดือน 0% ใช่แล้ว ผมต้องหาเงิน 7,000 กว่าบาทโดยห้ามใช้สิบเดือนติดต่อกัน

เป็นการผ่อนเงินเข้าบัญชีของผมเอง ไม่ได้ผ่อนส่งเข้าธนาคารจริงๆ

ชีวิตผมในตอนนั้นคือต้องประหยัด ต้องวางแผนการเงิน ใช้ชีวิตอยู่ภายใต้วงเงินที่จำกัดมากกว่าเดิม และผมต้องพยายามหารายได้เสริมเพื่อมาโปะเงินที่สูญเสียไปเพื่อรักษาสภาพคล่องด้วย

ปรากฏว่าผมสะสมไปได้ 3 เดือน ความอยากได้คลายลง คอมพิวเตอร์ผมไม่ได้ แต่เงินสดผมยังอยู่ในกองทุน 20,000 กว่าบาท ผมลองใช้ชีวิตแบบผ่อนก่อนผ่อน ลองอยู่ด้วยการเป็นหนี้ก่อนเป็นหนี้ มันทำให้ผมรู้ว่าตัวผมพร้อมแค่ไหน แถมยังมีเวลาไตรตรองก่อนเป็นหนี้จริงอีกด้วย…!!!

วิธีนี้ใช้ได้จริงสำหรับคนที่ต้องการบ้าน รถ แต่ยังไม่มั่นใจว่าตัวเองจะทนรับชีวิตหลังเป็นหนี้ได้หรือเปล่า ถ้าคุณอยากได้บ้าน ลองค้นหาบ้านซักหลังที่คุณอยากได้ ดูราคา คำนวนการผ่อน ดอกเบี้ย แล้วลองผ่อนเล่นๆก่อนจะผ่อนจริงๆ ลองเป็นหนี้ทั้งๆที่ยังไม่เป็นหนี้ก่อน จะได้รู้ศักยภาพของตัวเอง ว่าไหวหรือไม่ไหว เอาอยู่หรือเปล่า และรับได้กับคุณภาพชีวิตที่จะต้องลดลงของตัวเองหรือไม่

ยกตัวอย่างเช่นผมอยากได้บ้านราคา 1,500,000 บาท คำนวนแล้วต้องผ่อนเดือนละ 13,000 บาท ก่อนที่จะตัดสินใจเป็นหนี้ก้อนใหญ่ระยะยาว ผมลองจำลองการผ่อนด้วยการตั้งกฏกับตัวเองว่าเราจะส่งเงิน 13,000 บาทเข้ากองทุนของเราซักครึ่งปีก่อน ส่งจนกว่าเราจะมั่นใจว่าเราปรับชีวิตตัวเองให้พร้อมกับการเป็นหนี้ ถ้าจู่ๆเงินต้องหายไปก้อนหนึ่งทุกๆเดือน เรายังใช้ชีวิตได้โดยไม่ลำบากหรือเปล่า เรายังมีความสุขอยู่หรือไม่

รถก็เช่นกัน ลองจำลองการผ่อนก่อน ดูว่าชีวิตหลังการไม่ได้ใช้เงินก้อนหนึ่งเต็มๆทำให้สภาพคล่องคุณหายไปหรือไม่ ของอย่างนี้พูดเลยนะครับ อย่าใจร้อน…!!! ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ ยังไม่เดือดร้อนเท่ากับไม่มีสภาพคล่อง …!?! โดยเฉพาะเวลาที่ชีวิตเกิดเรื่องไม่คาดฝัน สภาพคล่องจะตัดสินชีวิตคุณทันที

ผมใช้วิธีนี้หลายต่อหลายครั้ง มีเงินเก็บจากหมื่นถึงแสนโดยที่ไม่ต้องเสียเงินไปกับสินค้าที่มีความอยากได้ชั่วคราว และยังฝึกความแข็งแกร่งของจิตใจก่อนที่จะลงมือใช้เงินของตัวเองซื้อสินค้าจนเป็นหนี้จริงๆ ทุกวันนี้ผมฝึกการผ่อนบ้านราคา 2.1 ล้านบาท ทุกเดือน โดยเอาครึ่งหนึ่งเข้าบัญชีเงินออมห้ามถอนห้ามเบิก อีกครึ่งหนึ่งซื้อหุ้นปันผลเพื่อสะสมเอาไว้

วิธีนี้ได้กำไรหลายต่อ ได้เงินออม ได้รู้ความเข้มแข็งของจิตใจตัวเอง ผมเชื่อว่าเป็นหนี้ไม่ยากหรอก แต่ชีวิตหลังเป็นหนี้ต่างหาก ที่จะพิพากษาชีวิตเราจริงๆ
ความคิดเห็นที่ 89
สวัสดีค่ะ  ปัจจุบันดิฉันอายุ 24 ปี ทำงานประจำอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งค่ะ

มีโครงการดีๆของ กลต ร่วมกับ pantip ทั้งที ดิฉันก็ขอเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมแบ่งปันไอเดียและวิธีการจัดการเงินในสไตล์ของดิฉัน  ให้ทุกๆท่านได้นำไปเป็นไอเดียในการออมเงินค่ะ

1.ลดรายจ่าย

ของใช้ส่วนตัว
-ดิฉันใช้แชมพู สบู่เหลว แป้งขนาดใหญ่ เนื่องจากเมื่อเปรียบเทียบราคากับปริมาณแล้วจะคุ้มค่ากว่าและซื้อขนิดเติมครั้งต่อไป  

-จดบันทึกสิ่งของที่ต้องซื้อไว้ล่วงหน้า  ทำให้ได้ของครบตามต้องการ  ประหยัดเวลาในการเดินเลือกซื้อของ ประหยัดน้ำมัน เพราะไม่ต้องไปซื้อหลายรอบ และทำให้ควบคุมการซื้อได้ ถ้าเราเดินไปเห็นอะไรแล้วค่อยหยิบใส่รถเข็น เราจะได้สิ่งของที่ไม่จำเป็นมามาก เพราะเห็นอะไรก็อยากได้ไปหมด อันนี้ก็ลดราคา อันโน่นก็ซื้อ1 แถม1 ทำให้เกิดกิเลสในการซื้อมากขึ้น ถ้ามุ่งเป้าไปยังของที่เราจะซื้อเลย ทำให้ตัดกิเลสนี้ไปได้เยอะ

-ชำระค่าโทรศัพท์ ผ่านทางapplication  ของธนาคารต่างๆซึ่งผูกกับบัญชีออมทรัพท์ของเรา ทำให้สะดวก รวดเร็ว ไม่เสียค่าน้ำมัน อีกทั้งบริการนี้ยังไม่เสียค่าธรรมเนียมอีกด้วย   เกิดมาในยุคโลกาภิวัฒน์ เราก็ต้องใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์นะคะ

-ใช้รถโดยสารแทนรถส่วนตัว เนื่องจากสถานที่ทำงานของดิฉันอยู่ไกลจากบ้าน ช่วงวันหยุดยาวจะกลับบ้านต้องเดินทางเป็นระยะทางไป-กลับ 600 กิโลเมตร  ถ้าใช้รถส่วนตัวต้องเติมน้ำมันราวๆพันกว่าบาท แต่เมื่อนั่งรถโดยสารสามารถประหยัดค่าเดินทางได้เกือบ 500 บาท

-นำวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว มาประดิษฐ์เป็นของชิ้นใหม่
เช่น  นำกระดาษนิตยสาร หรือกระดาษหนังสือพิมพ์ที่ไม่ใช้แล้ว มาสร้างสรรค์เป็นผลงาน "ตะกร้าแสนสวย"  



2.เก็บก่อนใช้

มนุษย์เงินเดือนหลายๆคน ต้องเผชิญกับปัญหาเมื่อ เงินเดือนออกก็ใช้อย่างเมามัน แต่เมื่อถึงกลางเดือน ปลายเดือน ก็ต้องมานั่งอมทุกข์ เพราะเงินไม่พอใช้
ดิฉันมีวิธีจัดการโดยเมื่อเงินเดือนออกจะไปถอนเงินที่ธนาคารโดยจะถอนเงิน เน้นเป็นธนบัตรใบละ20บาทและ100บาท  นำมาแบ่งใส่ซองให้ครบตามจำนวนวันของเดือนนั้นๆ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในแต่ละวัน (ค่าใช้จ่ายรายวัน ดิฉันได้ยอดที่เหมาะสมกับตัวเอง จากการทำบันทึกรายรับ-รายจ่าย ที่เริ่มทำมาตั้งแต่เมื่อสมัยอายุได้ 10กว่าปี ล้มลุกคลุกคาน ทำบ้างไม่ทำบ้าง จนหาวิธีที่จัดการกับตัวเองได้สำเร็จ)




วิธีใช้ง่ายมาก คือ หยิบใช้ตามวันที่ เช่น สมมุตว่าวันนี้วันที่ 31 ก็หยิบซองที่ระบุเลข 31 มาใช้  วิธีนี้จะทำให้เราคุมค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น
ส่วนเงินเดือนที่เหลือ ถือว่าเป็นเงินออมในเดือนนั้นค่ะ

แต่ในความจริง เราไม่ได้ใช้จ่ายแค่กินอยู่รายวันเท่านั้น ไหนจะมีค่าโทรศัพท์ ค่าน้ำมัน ค่าที่พัก หรืออื่นๆอีกมากมาย
เราจึงต้องถอนมาให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายเหลือนี้ด้วย โดยเราทราบค่าใช้จ่ายเหล่านี้กันดีอยู่แล้ว จึงทำให้สามารถคำนวณเงินล่วงหน้าได้ และอย่าลืมเผื่อค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน เช่นเมื่อรถยางแตก หรือเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่ทำให้เราต้องใช้เงินในตอนนั้นด้วยนะคะ


และถ้าค่าใช้จ่ายระหว่างวันเหลือ ดิฉันก็จะแยกเก็บในคอนโดเหรียญและกล่องสมบัติหลากสีของดิฉัน







นอกจากนี้ ดิฉันยังเก็บเหรียญและธนบัตรแปลกๆ  เลขสวยๆด้วยนะคะ
วิธีนี้จะทำให้เราใส่ใจกับเงินมากขึ้น พอเห็นเลขสวยๆ ก็อยากเก็บไว้ เห็นเหรียญแปลกๆก็ไม่อยากใช้ เพราะกลัวว่ามันจะไม่กลับมาหาเราอีก เราก็เลยเก็บมันไว้เอง อันนี้เป็นความชอบส่วนตัวด้วยนะคะ








3.แบ่งลงทุน
ดิฉันเริ่มศึกษาการลงทุนมาสักระยะหนึ่ง โดยการซื้อหนังสือมาอ่าน และศึกษาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต แต่ไม่ได้นำมาใช้สักทีเพราะเหตุผลเดียวคือ....กลัวค่ะ
ความกลัวเกิดจากการที่เราไม่รู้ดีพอ  กลัวจะขาดทุน แต่ความกลัวนี่แหละค่ะ น่ากลัวที่สุด มันทำให้เราพลาดโอกาสดีๆหลายๆอย่างไป
ถ้าเรากลัว วิธีแก้คือ ศึกษามันอย่างจริงจัง  เราจะได้รู้วิธีรับมือและจัดการได้  

สิ่งที่ฉันทำคือออมเงินในรูปแบบของประกันชีวิต ซึ่งสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้  อันนี้ออมมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยค่ะ  ทำงานไป เรียนไป เก็บออมได้บ้างก็นำไปฝาก มีบัญชีแยกเก็บไว้ต่างหาก พอครบปีก็จะหักไปไว้ในประกัน พอครบกำหนดก็จะได้เงินคืน ถึงจะได้ไม่มาก แต่มันก็เป็นก้าวแรก ที่ทำให้เรารู้ว่า มันมีวิธีที่ได้ดอกเบี้ยมากกว่าการฝากไว้ในบัญชีออมทรัพย์นะ


และอย่างที่สองคือการลงทุนในกองทุนรวม  อันนี้ก็เพิ่งจะได้ลองไม่กี่เดือน แบ่งเงินที่ออมรายเดือนไว้ในกองทุนนี้บางส่วน



สุดท้ายอยากจะฝากไว้ว่า  สิ่งสำคัญที่สุดในการออมเงินคือ "วินัย"  ซึ่งไม่มีขายที่ไหน ไม่ได้มีมาแต่กำเนิด แต่เป็นนิสัยที่เราสามารถฝึกได้
หากเราเกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวย แต่หากเราไม่มีวินัย เราก็จะใช้เงินหมดในที่สุด ในทางตรงข้ามถ้าหากเราเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน
แต่เรามีวินัย เราก็จะสามารถจัดการเงินและบริหารเงินได้ ซึ่งส่งผลให้เรามีฐานะที่ดีขึ้นเรื่อยๆ


และสิ่งที่ขาดไม่ได้คือ การเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา
ความรู้ไม่จำเป็นต้องอยู่ในหนังสือเท่านั้น บางคนอาจจะศึกษาจากอินเตอร์เน็ต หรือสอบถามผู้รู้ก็ได้
เมื่อเราเปิดกว้างทางความคิด สิ่งดีๆก็จะเข้ามาหาเรา และต่อไปก็เป็นหน้าที่ของเราที่จะนำเอาสิ่งดีๆนั้นมาประยุกต์ให้เข้ากับตัวเอง

ปัจจุบันมีเว็บไซด์ที่ให้ความรู้ทางด้านการเงิน การลงทุน มีมากมายไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ของธนาคารต่างๆ
และอีกเว็บไซต์ที่น่าสนใจมาก คือ http://www.start-to-invest.com/cover/cover.html ซึ่งรวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับการลงทุนไว้มากมาย
อีกทั้งยังมีการ์ตูนที่เกี่ยวกับการออม การลงทุน ทำให้เราเข้าใจง่ายขึ้นอีกด้วย  


...  ดิฉันขอตัวไปศึกษาการลงทุนต่อก่อนนะคะ  เดี๋ยวจะรวยไม่ทันเพื่อนๆ  ...  

สำหรับคนที่ยังไม่ได้เริ่ม ตามมานะคะ   แล้วเราจะรวยไปด้วยกัน


ยิ้มยิ้ม

(รายละเอียดส่วนหนึ่งถูกยกมาจาก http://pantip.com/topic/32167383  ซึ่งเป็นกระทู้ที่ดิฉันเขียนไว้ก่อนหน้านี้นะคะ
และถ้าหากท่านใดมีข้อเสนอแนะ หรืออยากจะแนะนำเด็กตาดำๆอย่างดิฉัน ดิฉันยินดีรับฟังนะคะ)
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่